น้ำตาแห่งความภูมิใจ พลังฮึดสู้สไตล์ซามูไรบลู!

แม้จะตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลกไปแล้ว แต่พลังฮึดสู้ของขุนพลจากแดนอาทิตย์อุทัย ยังคงตราตรึงในหัวใจแฟนบอลทั่วโลกอยู่ในตอนนี้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตัวแทนจากเอเชียที่เข้าร่วมการแข่งขันในฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ ทีมที่สร้างความประทับใจให้แก่แฟนบอลทั่วโลกมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้น “ทีมชาติญี่ปุ่น” อย่างแน่นอน

ญี่ปุ่นนั้นถูกจับสลากให้มาอยู่ในกลุ่มเอชร่วมกับ โคลอมเบีย, เซเนกัล และโปแลนด์ ซึ่งมองเผินๆนั้นอาจจะดูว่าเป็นกลุ่มที่ดูค่อนข้างเบา แต่ในเมื่อขึ้นชื่อว่าฟุตบอลโลกแล้วย่อมไม่มีคำว่าง่ายทุกเกมแน่นอน

ขุนพลซามูไรบลูต้องพบศึกหนักทันทีในเกมแรกซึ่งพบกับทีมแกร่งจากอเมริกาใต้อย่าง โคลอมเบีย และเพียงแค่เกมแรกเท่านั้น พวกเขาก็สร้างเซอร์ไพรส์รวมใจกันจนสามารถเบียดชนะทีมแกร่งจากอเมริกาใต้ได้แบบพลิกล็อคทันที 2-1

เกมต่อมาญี่ปุ่นต้องเจอกับอีกหนึ่งทีมแกร่งแห่งแอฟริกาใต้ ที่นำทัพมาโดยดาวดังจากลิเวอร์พูลอย่าง ซาดิโอ มาเน และแม้ว่าจะถูกขึ้นนำไปก่อนถึงสองครั้ง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงเลือดนักสู้แบบบูชิโด เมื่องัดพลังฮึดไล่ตามตีเสมอได้ทั้งสองครั้งเช่นกัน กลายเป็นทีมเดียวจากเอเชียที่ออกสตาร์ทสองเกมแรกแบบไม่แพ้ใครด้วย

กระนั้นแม้เกมสุดท้ายญี่ปุ่นจะพลาดท่าแพ้ต่อโปแลนด์ 0-1 แต่ผลพวงจากฟอร์มที่น่าประทับใจในสองเกมแรก ก็ส่งผลช่วยให้พวกเขาได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มเอชแบบหวุดหวิดด้วยกฎแฟร์เพลย์ ซึ่งเป็นผลตอบแทนมาจากการมุ่งมั่นเต็มที่โฟกัสเฉพาะเกมในสนามเท่านั้นของพวกเขานั่นเอง

ขณะที่เกมในรอบ 16 ทีมซึ่งถือว่าเป็นบททดสอบหนักสุดที่พวกเขาต้องเจอในทัวร์นาเมนต์ แต่ก็กลายเป็นเกมที่พวกเขาโชว์ให้เห็นถึงหัวใจแห่งนักสู้และโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมที่สุดด้วยเช่นกัน เมื่อจัดการยิงขึ้นนำทีมอันดับ 3 ของโลกตามฟีฟ่า แรงกิ้งไปก่อนแบบสุดเซอร์ไพรส์ถึง 2-0

ด้วยการตัดสินใจเปิดเกมรุกบุกแลกใส่แบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีปีศาจแดงแห่งยุโรปเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าสุดท้ายแล้วญี่ปุ่นจะต้องพลาดท่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เมื่อมาโดนเบลเยียมแซงชนะเหลือเชื่อในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3-2 ก็ตาม

แน่นอนว่าการพ่ายแพ้ในรูปแบบนี้ ย่อมทำเอาต่อมน้ำตาของทั้งบรรดาผู้เล่น ทีมงานโค้ช รวมถึงแฟนบอลจากแดนอาทิตย์อุทัยแตกเป็นเทน้ำเทน้ำอย่างปฎิเสธไม่ได้ แต่ในทุกหยดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาของทุกคนนั้น ก็ถือเป็นการแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในพลังฮึดสู้สไตล์ซามูไรบลู ซึ่งพร้อมรวมสปิริตสู้แบบไม่ถอย และไม่มีวันหยุดสู้ ไม่ว่าจะต้องเจอกับคู่แข่งที่หนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ตาม

และแม้ว่าญี่ปุ่นจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่พลังฮึดสู้แบบไม่มีลิมิตของพวกเขา ก็ควรค่าแก่การยกย่องแล้ว!